ทำไมต้องให้อภัย ให้อภัยแล้วได้อะไร
อภัย คือ ความไม่มีภัย
ความปลอดภัย ความไม่มีโทษ
การให้อภัย คือ ให้ความไม่มีภัย
ให้ความปลอดภัย ยกโทษให้
การให้อภัย
นี้เป็นการ อโหสิกรรม
คือ เราจะไม่เป็นผู้จองเวร
กับเขาอีกต่อไป ส่วนกรรม
ที่เขาทำนั้น กรรมจะเป็นผู้ลงโทษเขาเอง
การให้อภัย
เป็นการบำเพ็ญบารมี
คือ อภัยทาน อันเป็นทานบารมีที่สูงส่ง
การให้อภัย
จึงเป็นการฝึกจิต อบรมจิต
ให้สว่าง ให้เบา ให้แจ่มใส
ยุติความเศร้าหมอง ขุ่นมัว
ชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจ
ดังนั้นการให้อภัย จึงเป็นสิ่ง
ที่ส่งผลดี ต่อตนเองหาใช่ผู้อื่น
มหาตมะคานที กล่าวไว้ว่า
ผู้ที่อ่อนแอ
ไม่สามารถให้อภัยใครได้
เพราะการให้อภัยได้นั้น
นับเป็นความเข้มแข็งแท้จริง
นอกจากความเข้มแข็งแล้ว
การให้อภัยต้องมีความเมตตา
เป็นผู้มีปัญญา เห็นโทษ
ของการผูกใจเจ็บ ความโกรธ
พยาบาท การจองเวร
การให้อภัยไม่ใช่การยอมแพ้
แต่เป็นการยอมเพื่อชนะ
ชนะใจตนเอง ผู้ที่ไม่รู้จัก
การให้อภัย คือ ผู้ที่แพ้ตลอดกาล
จะเป็นผู้ที่แบกทุกข์ไว้ตลอดเวลา
หาความสุขไม่ได้ กล่าวได้ว่า
เวรย่อมระงับ
ด้วยการไม่จองเวรการให้อภัย
เป็นเครื่องมือระงับการจองเวร
เป็นการปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ
จากความทุกข์ ของความโกรธแค้น
ที่สำคัญการให้อภัย ต้องมีความตั้งใจ
ไมใช่แสแสร้งแกล้งทำ
ต้องหมั่นฝึกให้มากๆ ทำเป็นประจำทุกวัน
เป็นเรื่องที่ทำยาก แต่หากใครทำได้
ก็พบความสุขการให้อภัย นี้
เป็นกิจที่มนุษย์ทุกผู้พึงกระทำ
ตลอดชีวิต การจะฝึกอภัยที่สำคัญ
ต้องรู้คุณประโยชน์ของการให้อภัย
และ รู้โทษของความโกรธ อาฆาตแค้น
๑.ทำให้เราเป็นอิสระจากความทุกข์
ของความโกรธ ความแค้น
๒.ทำให้จิตใจของเรา
สูงขึ้นเบาขึ้น ไม่หนักหน่วงด้วยทุกข์
๓.ทำให้จิตใจของเราสงบ
ไม่คิดฟุ้งซ่าน สว่างไม่มืดบอด
๔.ทำให้จิตใจสงบเย็น
ไม่เร่าร้อน ด้วยพิษความโกรธ อาฆาตแค้น
๕.ทำให้ไม่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ผูกเวร ผูกกรรม สามารถตัดเวรตัดกรรมได้
๑.ทำให้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเครียด ฟุ้งซ่าน
๒.ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
เป็นคนเก็บกด ทุกข์ใจ เดือดร้อนไม่สิ้นสุด
๓.ทำให้เป็นคนมองผู้อื่น
ในแง่ร้าย มองโลกในแง่ร้ายประจำ
๔.ทำให้ปิดกั้นตนเอง
และผู้อื่นในการแก้ไขข้อบกพร่อง
(พระสุทธิพงษ์ อภิปุญฺโญ)
ถวายเป็นธรรมทาน