" นักเลงลองดี "
ในระหว่างที่หลวงปู่หมุนท่านพำนักอยู่วัดบ้านจาน ขณะที่ท่านยังถือธุดงค์วัตร บำเพ็ญสมณธรรมในป่าลึกแถบภาคใต้ของประเทศไทย บรรยากาศขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำมีอากาศหนาว ท่านกำลังนั่งปฏิบัติสมาธิภาวนา เพื่อลดละซึ่งอาสวะกิเลสทั้งหลายอยู่นั้น นักเลงละแวกนั้นไม่ชอบที่จะเห็นพระเห็นเจ้า พอเห็นหลวงปู่นั่งสมาธิก็นึกอยากลองดี จึงเดินไปซุ่มที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จากนั้นก็คว้าเอาก้อนหินขนาดพอดีมือ ขว้างไปที่หลวงปู่ปรากฏว่าขว้างไม่ถูกท่าน ทั้งที่อยู่ในระยะใกล้ๆ
จากนั้นหลวงปู่จึงพูดขึ้นว่า.......
“จะมาลองดีอะไรข้าอีก ข้าไม่เคยทำร้ายใคร เป็นสมณะไม่เบียดเบียนใครให้ได้รับความเดือดร้อน”
นักเลงผู้นั้นก็ไม่เชื่อ คว้าก้อนหินจะปาอีก หลวงปู่ก็ลั่นวาจาออกมาอีกว่า......
“หากพูดกันไม่เชื่อก็อยู่อย่างนั้นจนเช้านั่นแหละ”
ในขณะนั้นก็เกิดเหตุขึ้นกับนักเลงที่หยิบก้อนหินขว้างท่านคือ เกิดอาการขาชาเดินไม่ได้ มีอาการแข็งทื่อ จะวิ่งหนีก็หนีไม่ได้ และยืนแข็งอยู่เช่นนั้นจนเช้าวันใหม่จริงๆ ตามวาจาประกาศิตของหลวงปู่
เมื่อเกิดสำนึกตัวได้ก็รีบคลานเข้ามากราบขอขมากับหลวงปู่ที่หน้าตัก พอหลวงปู่ท่านให้อภัยแล้ว ชายหนุ่มที่มีอาการขาแข็งเกร็งนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เดินได้เหมือนปกติ จากนั้นจึงก้มลงกราบด้วยใบหน้านองน้ำตาอีกครั้ง ด้วยซาบซึ้งในอภัยทานอันเกิดจากจิตใจอันเปี่ยมล้มด้วยเมตตาบารมีของหลวงปู่