" ตำนานท่านอาจารย์สิงห์ "
ในขณะที่ท่านอาจารย์สิงห์ นํากองทัพธรรมออกเผยแพร่ ไปปักกลดอยู่ ณ ศาลปู่ตา อําเภอมัญจะคีรี จังหวัดขอนแก่น ในสมัยนั้นชาวบ้านย่านนั้นต่างพากันนับถือภูติผีปีศาจ เมื่อท่านพาพระเณรไปยึดเอาศาลเจ้าแห่งนั้นเป็นที่พักผ่อนหลับนอน เพื่อบําเพ็ญเพียร แต่มนุษย์ใจบาปกลุ่มหนึ่ง ก็หาละความพยายามที่จะขับไล่ไสส่งก็หาไม่ในมนุษย์กลุ่มนี้ มีอยู่คนหนึ่ง ได้เลี้ยงช้างพรายไว้ ๒-๓ เชือก มีอยู่เชือกหนึ่งกําลังตกมัน พวกเขาจึงคบคิดกันปล่อยช้างพรายตกมันเชือกนั้น
เพื่อจะให้ไปฆ่าท่านและคณะ
เมื่อช้างถูกปล่อยมันก็วิ่งเข้าใส่ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม และคณะทันที ส่วนท่านอาจารย์สิงห์เองท่านกลับไม่สะทกสะท้านต่อภัยที่จะมาถึง ท่านกลับนั่งสมาธิเฉยอยู่กับที่ แล้วแผ่เมตตาไปให้มัน เมื่อช้างวิ่งมาถึงตรงหน้าท่าน มันกลับยืนนิ่งกระพือหูไปมาสักครู่หนึ่ง แล้วก็หันหลังวิ่งกลับ ทะยานเข้าหาจอมปลวกบริเวณนั้น เอางาที่มแทงลงไปบนจอมปลวก ปรากฏว่างาช้างเชือกนั้นหักคาจอมปลวก มันร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
แล้วก็ผละวิ่งหนีรี่เข้าใส่พวกชาวบ้านทั้งสามคน ที่ปล่อยมันไปเพื่อให้ฆ่าพระ ผลปรากฏว่าคนทั้งสามถูกช้างเชือกนั้นเหยียบเสียบี้แบนถึงแก่ความตายในคืนวันนั้น อันทําให้ชาวมัญจะคีรีในสมัยนั้นโจษขานกันมาก
ครั้นรุ่งเช้าขึ้นมา ปรากฏว่าชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ต่างพากันหาผ้าขาว, ผ้าขาวม้า นํามาปูลาดกับพื้นจากบริเวณที่ท่านพระอาจารย์สิงห์ พักเรื่อยไปจนถึงหมู่บ้าน เพื่อ ให้ท่านได้เดินออกบิณฑบาตร โดยเขาเหล่านั้นต่างพากันนับถือ ในบุญญาธิการของท่าน นับตั้งแต่นั้นมาบุคคลเหล่านั้นก็พากันเลิกนับถือภูติผีปีศาจ หันเข้ามาเป็นพุทธมามะกะกันทั้งหมู่บ้าน บางคนถึงกับน่งขาวห่มขาว ถือศีลติดตามไปรับใช้ท่าน
เมื่อท่านอยู่บริเวณนั้นได้ไม่นาน ท่านก็ออกธุดงค์ต่อมาทางบ้านไผ่ เมืองพล มุ่งเข้าเขตโคราช ครั้นมาถึงเขตป่าท้องที่อําเภอจักราช ท่านก็พาหมู่คณะนักกลด หาวิเวกทําความเพียร เพื่อโปรดญาติโยมต่อไป ในที่แห่งนี้เอง ท่านก็ได้พบกับพวกมนุษย์ใจบาปหยาบช้าอีก คือ ในตอนเช้าวันหนึ่ง ท่านได้พาหมู่คณะออกบิณฑบาตรในหมู่บ้าน เมื่อกลับมายังที่พัก ก่อนฉันได้เรียกพระเณรทั้งหมดมาประชุมพร้อมกัน แล้วท่านก็ กล่าวให้ที่ประชุมทราบว่าในเช้านี้ให้ทุกท่านงดฉันอาหาร ที่บิณฑบาตรได้มาทั้งหมดเสีย เพราะอาหารที่ได้มานั้นล้วนแต่มียาพิษจากมนุษย์ใจบาปที่ใส่ให้ มาจนทั่วทุกองค์ทั้งนั้น
เมื่อท่านกล่าวจบก็ขอให้นําอาหาร นั้นๆ ไปเททิ้งเสีย ปรากฏว่าสุนัขที่กินเข้า ไปได้ดิ้นตายไปต่อหน้าสองสามตัว ท่านอาจารย์สิงห์จึงสั่งให้เก็บอาหารเหล่านั้นไปฝัง เสีย แล้วแผ่เมตตาไปให้สัตว์ที่เคราะห์ร้ายแทน พากันนั่งสมาธิอย่างหามรุ่งหามค่ํา โดยไม่คํานึงถึงความหิวโหย เพราะขาดอาหาร
เมื่อมนุษย์ใจบาปซึ่งเป็นอันธพาล หรือเสือร้ายของย่านนั้น เห็นว่าท่านอาจารย์สิงห์และคณะไม่มีใครได้รับอันตรายเลย มันเป็นเดือดเป็นแค้นมาก จึงได้แบกปืนออกมาจากหมู่บ้าน ตรงมาจะยิงท่านอาจารย์สิงห์และคณะ
ครั้นมาถึงก็เล็งปืนใส่และเหนี่ยวไกยิงทันที ปรากฏว่ายิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก ทําเอามันเหงื่อกาฬแตก พลันทันใดก็ได้เกิดพายุมาอย่างแรง พัดเอาต้นไม้น้อยใหญ่ล้ม ระเนระนาด ฝ่ายมือปืนอันธพาลเกิด ความกลัว มันพยายามวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน หนีไปเท่าไรก็หนีไม่พ้น กลับเกิดมหัศจรรย์ มันพยายามวิ่งหนี คอเข้าไปขัดอยู่ในง่ามของต้นไม้ พยายามดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด ร้อนถึงผู้ใหญ่บ้านรู้เรื่องเข้า ได้นําเรื่องไปแจ้งนายอําเภอจักราช ในสมัยนั้นเมื่อนายอําเภอรู้เรื่องเข้า จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ ได้รุดมาจับเสือร้ายคนนั้น ปรากฏว่าต้องช่วยกันเลื่อยเอาต้นไม้ งัดคออยู่ออกจากคออันธพาลมือปืนกลัว ลานทีเดียว เมื่อจับตัวได้จึงนําไปหาท่าน อาจารย์สิงห์ ท่านก็ได้สอนธรรมะให้รู้ถึงบาปบุญคุณโทษต่างๆ แล้วก็ขอบิณฑบาตรชีวิตและไถ่ถอนโทษมือปืนคนนั้น ไว้จากนายอําเภอและตํารวจ เขาก็ถูกปล่อยตัวไปในที่สุด
แต่ก็กลับเป็นเรื่องประหลาด มหัศจรรย์มาก เพราะในตอนนั้นทั้งเป็นหน้าแล้ง ไม่มีเค้าฝน เมื่อมือปืนเดินพ้นไปจากชายป่าจะเข้าหมู่บ้าน ก็ถูกฟ้าผ่านอนตายทันที นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก
( ขออนุญาตเจ้าของภาพ)