ตำนานพันปี เครื่องราง “ตะกรุด” ศรัทธาความเชื่อไทยยากสลาย
เจาะลึกประวัติและวิวัฒนาการ เครื่องรางของขลัง “ตะกรุด” ศรัทธาจากความเชื่อตั้งแต่โบราณกาล แม้เวลาผ่านมาพันปี ตะกรุดยังเป็นที่นิยม ไม่มีวันจางหายจากสังคมไทย และราคาสูงหลักแสนถึงล้าน
“ตะกรุด” เครื่องรางชนิดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากความเชื่อของคนไทยมาแต่โบราณ
#ช่วยปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดภัยอันตรายต่างๆ
#ช่วยให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี
#ช่วยให้มีโชคลาภ #เมตตามหานิยม
ตะกรุด เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ผูกพันกับคติความเชื่อในสังคมไทยมาช้านาน
เพื่อความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง รวมทั้งด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ กลับดวง พลิกชะตา เลื่อนยศ ร้ายกลายเป็นดี ฯลฯ ตะกรุดได้ถูกสร้างโดยอ้างถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
พุทธคุณความเชื่อเหล่านี้ แม้กาลเวลาผ่านกว่าพันปี “ตะกรุด” ไฉนไม่เคยเลือนหายจากวิถีชีวิตคนไทย และยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ต้นกำเนิด “ตะกรุด” ในไทย มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เผยว่า ไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่จากภาพสลักกองทหารเดินขบวนที่ปราสาทนครวัดใส่เครื่องรางยาวๆ ลักษณะคล้ายตะกรุดห้อยที่คอ จึงสันนิษฐานและเชื่อว่าน่าจะกำเนิดจากกัมพูชาโบราณ หรือเขมรโบราณ เมื่อพันปีก่อน สำหรับต้นกำเนิดในไทย ตามพงศาวดาร ผศ.ดร.กังวล เล่าว่า
“ช่วงสมัยเจ้าพระยา พ.ศ.1974 มีการยกทัพไปตีเมืองนครธมแตก และกวาดต้อนผู้คนเข้ามา ผู้มีความรู้ทางเขมรโบราณได้ถูกโยกย้ายมาอยู่อยุธยา ดังนั้นจะเห็นว่าวรรณกรรม วรรณคดี มีความเป็นเขมรอย่างเข้มข้นในสมัยอยุธยาต้นๆ”
ตะกรุด เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ผูกพันกับคติความเชื่อในสังคมไทยมาช้านาน
เพื่อความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง รวมทั้งด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ กลับดวง พลิกชะตา เลื่อนยศ ร้ายกลายเป็นดี ฯลฯ ตะกรุดได้ถูกสร้างโดยอ้างถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
ตะกรุดทำมาจากวัสดุต่าง ๆ ตามตำราของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน แต่ที่พบโดยทั่วไปจะเป็นการนำโลหะแผ่นบางๆ อาจจะเป็น ทองคำ เงิน นาก ตะกั่ว หรือโลหะผสมอื่น ๆ มาลงอักขระเลขยันต์ด้วยเหล็กจารแสดงความหมายที่แตกต่างกันออกไป แล้วม้วนให้เป็นท่อกลมโดยมีช่องว่างตรงแกนกลางสำหรับร้อยเชือกติดตัว อาจนำมาหลอมรวมกันแล้วทำเป็นตะกรุดหล่อโบราณ ทำจากรางน้ำฝน ทำจากกาน้ำ ทำจากใบลาน ตัดเป็นแผ่นก่อนแช่น้ำแล้วนำมาม้วนเป็นท่อกลม ทำจากหนังสัตว์ เช่น หนังเสือ หนังหน้าผากเสือ หนังงู หนังเสือดาว หนังลูกวัวอ่อนตายในท้องแม่ หรือจากกระดูกสัตว์ ตะกรุดกระดูกช้าง ตะกรุดจากเขาวัวเผือก หรือจากไม้มงคลต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ ซึ่งมีทั้งไผ่ตันและไผ่รวก ไม้คูน ไม้ขนุน ตะกรุดส่วนใหญ่ที่เป็นโลหะ จะมีความเชื่อที่แตกแขนงออกไปอีก เช่น ถ้าเป็นตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้านเมตตา มักจะทำโดยใช้แผ่นทองหรือแผ่นเงิน ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางคงกระพัน จะใช้แผ่นทองแดง ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้านแคล้วคลาด มักจะใช้แผ่นตะกั่ว เป็นต้น
รูปแบบของตะกรุดก็มีพัฒนาการเรื่อยมาจากดอกใหญ่หนาสำหรับการออกศึกสงคราม ก็ค่อย ๆ ลดขนาดลง บางทีก็จัดทำเป็นดอกเล็ก ๆ ในลักษณะเครื่องรางติดตัวหรือสามารถตอกฝังเข้าไปในร่างกายได้ ปัจจุบันก็มีรูปแบบใหม่ขึ้นมาโดยทำมาจากปลอกลูกปืน อาศัยนัยว่า แม่ไม่ฆ่าลูก แล้วอาจจะถักด้วยเชือก ด้ายมงคล พอกด้วยผงยาจินดามณี แล้วนำไปจุ่มหรือชุบรักปิดทองตามตำรา ตะกรุดใช้บูชาอยู่ 2 แบบ คือใช้คล้องคอ หรือใช้คาดเอว โดยดอกตะกรุดจะขนานกันไปในแนวนอน ตะกรุดหากเป็นดอกเดียว เรียกว่า ตะกรุดโทน หากเป็นสองดอกจะเป็น ตะกรุดแฝด หรือเป็นโลหะสามชนิดเรียกว่า ตะกรุดสามกษัตริย์ หาก 16 ดอกเรียกว่า ตะกรุดโสฬส ดังจะเห็นได้จากพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก คล้องไว้ด้วยตะกรุดดอกใหญ่ เรียงเป็นแนวยาวพาดพระอังสะ ในลักษณะการเฉียงลงถึงบั้นพระองค์ มีสายตะกรุด 16 ดอก คล้องเป็นแนวยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งพระองค์ท่านสะพาย 2 เส้น