วันแรกที่เข้าไปกราบและฟังโอวาทธรรมของเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) มันนึกสงสัยมาแต่หลายปีมาแล้วว่า
“ได้ยินว่าคนนั้นได้ธรรมะ คนนี้ได้ธรรมะ คนที่ได้ธรรมะเป็นอย่างไร ปฏิบัติอย่างไรจึงได้ธรรมะ ” จึงได้อธิฐานจิตแต่ขณะเดินเข้าบ้านหนองผือว่า “ ขอพ่อแม่ครูบาอาจารย์จงเทศน์ธรรมเรื่องนี้ให้ฟังด้วยเถิด ”
พอพระเณรขึ้นไปครบกันหมดแล้ว เพิ่นครูอาจารย์มั่นก็แสดงธรรมให้ฟังว่า
“บุคคลผู้ทรงธรรม มีธรรมบริสุทธิ์ สะอาด มีใจมั่นคงในธรรมเป็นบุคคลผู้ได้ธรรม รู้ธรรมทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นสัตตบุคคล หิริ โอตฺตปฺปสมฺปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตาสนฺโต สปฺปุริสา โลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร ”
หิริธรรม เป็นอัชฌัติกาธรรม เป็นธรรมภายใน มีตัวเป็นใหญ่ ละอายแก่ตัว ละอายบาป ละอายชั่ว
หิริธรรม ขาวสะอาดตั้งอยู่ได้เพราะเป็นผู้มีสติ มีขันติธรรม นี่ส่วนภายใน ส่วนภายนอกนั้นเป็นบุคคลผู้คำนึงในชาติตระกูลของตน อายุวัยของตน หนทางข้างหน้า ปฏิปทาของตน ผู้ทรงหิริธรรมจึงเป็นผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว
โอตฺตปฺปสมฺปนฺนา เป็นพหิทธาธรรม เป็นธรรมภายนอก มีผู้อื่นเป็นเหตุอ้าง มีโลกเป็นเหตุอ้าง กลัวต่อผลขอความชั่ว กลัวต่อบาปกรรมทุกข์โทษ นี่ส่วนภายใน แต่ส่วนภายนอกนั้นเป็นบุคคลผู้มีโสรัจจธรรม เป็นผู้สงบต่อกิเลสทั้งปวง อีกทั้งเป็นผู้คำนึงในธรรมของตนอยู่เสมอ เกรงแก่ใจของบุคคลอื่น กลัวต่อคำติเตียนของประชุมชนเกรงต่อท่านผู้รู้ แม้ในที่สุดอาชญาจองจำให้โทษแก่ร่างกาย เป็นต้น
ผู้บริบูรณ์ด้วยหิริโอตตัปปะนี้จึงเป็นผู้ทรงศีลทรงวินัย ตั้งอยู่ในสังวร เมื่อตั้งอยู่ในสังวรธรรมแล้ว อวิปปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อน) ความเดือดร้อนใด ๆ ก็เป็นอันตัดขาดไป
เมื่อเป็นผู้หาโทษไม่ได้แล้ว ความปราโมทย์ ความปีติ ปัสสัทธิ สุข สมาธิธรรม ก็เกิดได้ตามมา เมื่อธรรมเหล่านี้สมบูรณ์ในตนแล้ว ความรู้ในธรรมทั้งหลาย ความรู้เห็นเป็นจริง ตามธรรมก็ปรากฏขึ้นมา เป็นของเฉพาะแก่ตน
รู้ อัชฌัตตพหิทธาธรรม ธรรมอันมีทั้งภายนอกภายใน บังเกิดโยนิโสมนสิการพิจารณาโดยพระไตรลักษณญาณแห่งตนจนเป็นไปได้ถูกทางถูกธรรม นิพพิทา ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นแล้ว วิราคะความคลายตนออก เพิกกิเลสออกไป จึงเป็นวิมุตติบุคคล เป็นบุคคลผู้หลุดพ้น วิสุทธิ ผู้บริสุทธิ์โดยแท้
ผู้วิสุทธิทั้งนอกทั้งใน ทั้งภายนอกและภายในจึงเป็นผู้ได้ธรรม เป็นพระอรหันตเจ้าแน่แท้ ส่วนผู้พรั่งพร้อมด้วยกามคุณวุ่นวาย กิเลสคลุกเคล้าอยู่ด้วยตัณหา บ้าหน้าบ้าหลังกับอุปาทานอวิชชาชาติอนุสัยอยู่ตราบใด เหตุไฉนจึงจะเป็นสัตตบุคคลผู้ได้สุกกธรรมได้ หิริโอตตัปปะ เป็นต้นทางของธรรมผู้ขาดหิริโอตตัปปะ ย่อมทำบาปได้วันยังค่ำคืนยังรุ่ง ”
พระสงฆ์ที่พักอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ จะมารวมกันฟังธรรมเสมอ เมื่อเพิ่นครูอาจารย์มั่นเทศนาจบลงก็หันหน้ามามองมาที่ผู้ข้าฯ แล้วถามเป็นเชิงปรารภว่า
“ เป็นอย่างไรท่านจาม ผู้ได้ธรรมเป็นอย่างนี้ เข้าใจไหม ”
ผู้ข้าฯ ก็กราบเรียนว่า “ เข้าใจครับกระผม ”
บรรดาพระสงฆ์ที่นั่งฟังก็หันมามองทางผู้ข้าฯ กันทั้งหมด เมื่อผู้ข้าฯ กลับไปที่พักก็รีบนั่งภาวนาเพื่อทบทวนคำสอนของเพิ่นครูอาจารย์มั่น เพื่อให้จำไว้อย่างขึ้นใจ ไม่ให้ลืมลำดับคำพูดถ้อยความไว้ ท่องจำไว้
ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ