พญานาค คือ สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา ตัวแทนของการทำความดีฯ
สร้าง คือ ทำให้มีขึ้น เกิดขึ้นด้วยวิธีต่างๆ
ตระกูลของนาค
นาคแบ่ง ออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
- ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
- ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
- ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
- ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ
นาคแม้จะแปลงกายได้ แต่จะกลับมาเป็นงูใหญ่ ได้ใน 5 กรณี ดังนี้
1) ขณะเกิด
2) ขณะลอกคราบ
3) ขณะสมสู่กันระหว่างนาคกับนาค
4) ขณะนอนหลับ โดยไม่มีสติ
5) ที่สำคัญ ตอนตาย
ความเชื่อเรื่องพญานาค
ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเก่าแก่มาก เก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย
รวมความเชื่อท้องถิ่นเกี่ยวกับพญานาค
1. พญานาค งูใหญ่ มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และ บันไดสายรุ้งสู่จักรวาล
เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ จากการจำศีล บำเพ็ญภาวนา ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เราจะพบเห็น เป็นรูปปั้นหน้าโบสถ์ ตามวัดต่าง ๆ บันไดขึ้นสู่วัดในพุทธศาสนา ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง กับศาสนาพุทธอีกมากมาย
2. พญานาค เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้
พญานาค มีอิทธิฤทธิ์ และมีชีวิตใกล้กับคน พญานาค สามารถแปลงเป็นคนได้ เช่น คราวที่แปลงเป็นคนมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า
ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง
กล่าวถึงนาคที่ชื่อ ถลชะ ที่แปลว่า เกิดบนบก จะเนรมิตกายได้เฉพาะบนบก และนาคชื่อ ชลซะ แปลว่า เกิดจากน้ำ จะเนรมิตกายได้เฉพาะในน้ำเท่านั้น
3. พญานาค มีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษ ถึง 64 ชนิด
ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า สัตว์จำพวกงู แมงป่อง ตะขาบ คางคก มด ฯลฯ มีพิษได้ ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ นาคคายพิษทิ้งไว้ แล้วพวกงูไปเลีย พวกที่มาถึงก่อนก็เอาไปมาก พวกมาทีหลัง เช่น แมงป่อง กับ มด ได้พิษน้อย แค่เอาหาง เอากันไปป้ายเศษพิษ จำพวกนี้จึงมีพิษน้อย และพญานาคต้องคายพิษทุก 15 วัน
4. พญานาค อาศัยอยู่ใต้ดิน หรือบาดาล
คนโบราณเชื่อว่า เมื่อบนสวรรค์มีเทพอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้พื้นโลก ก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวว่า ที่ที่นาคอยู่นั้นลึกลงไปใต้ดิน 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร มีปราสาทราชวังที่วิจิตรพิสดารไม่แพ้สวรรค์ ที่มีอยู่ถึง 7 ชั้น เรียงซ้อน ๆ กัน ชั้นสูง ๆ ก็จะมีความสุขเหมือนสวรรค์
5. พญานาค สามารถผสมพันธุ์กับสัตว์ชนิดอื่นได้
แปลงกายแล้วผสมพันธุ์กับมนุษย์ได้ เมื่อนาคตั้งท้องจะออกลูกเป็นไข่เหมือนงู มีทั้งพันธุ์เศียรเดียว 3, 5 และ 7 เศียร สามารถขึ้นลง ตั้งแต่ใต้บาดาลพื้นโลก จนถึงสวรรค์ ในทุกตำนานมักจะกล่าวถึงนาคที่ขั้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองสวรรค์ ที่จะแปลงกายเป็นอะไรตามที่คิด ตามสภาวะเหตุการณ์นั้น ๆ
พญานาค หรือ งูใหญ่ นั้นมีความเป็นมาและถิ่นที่อยู่เป็นสัดส่วนในภพหนึ่งต่างหาก จะมีเป็นบางครั้งที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ พญานาค เป็นทั้งเอกลักษณ์ของความดี และความไม่ดี
นาคที่มีปรากฎในพระไตรปิฏก ในพุทธศาสนา
๑. แปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบวช
เรื่องนาคแปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบวช ก็โดยสมัยนั้นแล นาคตัวหนึ่งอึดอัด ระอา เกลียดกำเนิดนาค จึงนาคนั้นได้มีความดำริว่า ด้วยวิธีอะไรหนอ เราจึงจะพ้นจากกำเนิดนาค และกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน.
ครั้นแล้วได้ดำริต่อไปว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้แล เป็นผู้ประพฤติธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์ กล่าวแต่คำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม หากเรา จะพึงบวชในสำนักพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร ด้วยวิธีเช่นนี้ เราก็จะพ้นจากกำเนิดนาคและกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน
ครั้นแล้วนาคนั้นจึงแปลงกายเป็นชายหนุ่ม แล้วเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายขอบรรพชา. ภิกษุทั้งหลายจึงให้เขาบรรพชาอุปสมบท. สมัยต่อมา พระนาคนั้นอาศัยอยู่ในวิหารสุดเขตกับภิกษุรูปหนึ่ง. ครั้นปัจจุสสมัยแห่งราตรี ภิกษุรูปนั้น ตื่นนอนแล้วออกไปเดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง. ครั้นภิกษุรูปนั้นออกไปแล้ว. พระนาคนั้นก็วางใจจำวัด.
วิหารทั้งหลังเต็มไปด้วยงู. ขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง. ครั้นภิกษุรูปนั้นผลักบานประตูด้วยตั้งใจจักเข้าวิหาร ได้เห็นวิหารทั้งหลังเต็มไปด้วยงู เห็นขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง ก็ตกใจ จึงร้องเอะอะขึ้น.
ภิกษุทั้งหลายพากันวิ่งเข้าไปแล้วได้ถามภิกษุรูปนั้นว่า "อาวุโส ท่านร้องเอะอะไปทำไม?"
ภิกษุรูปนั้นบอกว่า "อาวุโสทั้งหลาย วิหารนี้ทั้งหลังเต็มไปด้วยงู ขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง!"
ขณะนั้น พระนาคนั้น ได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงนั้น แล้วนั่งอยู่บนอาสนะของตน.
ภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส ท่านเป็นใคร?
น. : ผมเป็นนาค ขอรับ.
ภิ. : อาวุโส...ท่านได้ทำเช่นนี้เพื่อประสงค์อะไร?
พระนาคนั้นจึงแจ้งเนื้อความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วได้ทรงประทานพระพุทธโธวาทนี้แก่นาคนั้นว่า พวกเจ้าเป็นนาคมีความไม่งอกงามในธรรมวินัยนี้เป็นธรรมดา ไปเถิดเจ้านาค จงไปรักษาอุโบสถในวันที่ ๑๔ ที่ ๑๕ และที่ ๘ แห่งปักษ์นั้นแหละ ด้วยวิธีนี้เจ้าจักพ้นจากกำเนิดนาค และจักกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน.
ครั้นนาคนั้นได้ทราบว่า ตนมีความไม่งอกงามในพระธรรมวินัยนี้เป็นธรรมดาก็เสียใจหลั่งน้ำตา ส่งเสียงดังแล้วหลีกไป.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุแห่งความปรากฏตามสภาพของนาค มีสองประการนี้ คือ เวลาเสพเมถุนธรรมกับนางนาค ผู้มีชาติเสมอกัน ๑ เวลาวางใจนอนหลับ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุแห่งความปรากฏตามสภาพของนาค ๒ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ สัตว์ดิรัจฉาน ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.
ที่มา : เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๓๕๑๗ - ๓๕๕๐. หน้าที่ ๑๔๓ - ๑๔๔.
๒. ภูริทัตตจริยาที่ ๒ ว่าด้วย จริยาวัตรของภูริทัตตนาคราช
อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลเมื่อเราเป็นพระยานาคชื่อ ภูริทัต มีฤทธิ์มาก เราไปยังเทวโลกพร้อมกับท้าววิรูปักข์มหาราช ในเทวโลกนั้น เราได้เห็นทวยเทพผู้สมบูรณ์ด้วยความสุขโดยส่วนเดียว จึงสมาทานศีลวัตร เพื่อต้องการจะไปยังสวรรค์นั้น เราชำระร่างกาย บริโภคอาหารพอเป็นเครื่องเลี้ยงอาชีพแล้ว อธิษฐานอุโบสถมีองค์ ๔ ประการว่า....
ผู้ใดพึงทำกิจด้วยผิวหนังก็ดี ด้วยเนื้อก็ดี ด้วยเอ็นก็ดี ด้วยกระดูกก็ดี ขอผู้นั้นจงนำเอาอวัยวะที่เราให้นี้ไปเถิด แล้วนอนอยู่บนยอดจอมปลวก พราหมณ์อาลัมพาน อันบุคคลผู้ไม่รู้อุปการะที่บุคคลอื่นทำแล้ว บอกแล้ว ได้จับเราใส่ไว้ในตะกร้า ให้เราเล่นในที่นั้นๆ แม้เมื่อพราหมณ์อาลัมพานใส่เราไว้ในตะกร้า แม้เมื่อบีบเราด้วยฝ่ามือ เราก็ไม่โกรธเพราะเรากลัวศีลของเราจะขาด การที่เราบริจาคชีวิตของตนเป็นของเบาแม้กว่าหญ้า การล่วงศีลของเราเป็นเหมือนดังว่าแผ่นดิน เราพึงสละชีวิตของเราสิ้นร้อยชาติเนือง ๆ เราไม่พึงทำลายศีลแม้เพราะเหตุแห่งทวีปทั้ง ๔ ถึงแม้เราจะถูกพราหมณ์อาลัมพานใส่ไว้ในตะกร้าเราก็มิได้ทำจิตให้โกรธเคือง เพื่อรักษาศีลเพื่อบำเพ็ญศีลบารมีให้เต็ม ฉะนี้แล.
จบภูริทัตตจริยาที่ ๒
ที่มา : เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๘๙๗๓ - ๘๙๙๑. หน้าที่ ๓๘๔ - ๓๘๕.
๓ พระสาคตเถระ เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญเตโชสมาบัติ
พระสาคตะ เกิดในวรรณะพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถี เมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดา แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วได้บำเพ็ญสมาณธรรมจนได้บรรลุสมาบัติ ๘ ฝึกฝนจนมีความชำนาญในองค์ฌานนั้น ที่ท่านมีความชำนาญเป็นพิเศษก็คือการเข้าเตโชสมาบัติแสดงฤทธิ์ช่วยชาวบ้าน
สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดา เสด็จจาริกไปตามคามนิคมและชนบทต่างๆ พระสาคตะได้ตามเสด็จไปด้วย พระพุทธองค์เสด็จถึงท่าเรืออัมพะ ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านภัททวติกะ ใกล้พระนครโกสัมพี แคว้นเจตี ในบริเวณใกล้ๆท่าเรือนั้น มีอาศรมฤาษีชฏิลตั้งอยู่ และชฏิลนั้นนับถือบูชาพญานาค ชื่อว่า อัมพติฏฐกะ ซึ่งเป็นสัตว์มีพิษและมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพญานาคทั่วไป สามารถบันดาลให้ดินฟ้าอากาศเป็นไปตามต้องการได้ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล อันเป็นผลมาจากการบันดาลของพญานาคนั้น
พระสาคตเถระ ทราบความเดือดร้อนของชาวบ้าน เกิดความสงสารจึงได้ช่วยเหลือ ด้วยการเข้าไปในโรงไฟที่พญานาคอาศัยอยู่ นั่งขัดสมาธิอธิษฐานจิตในที่ไม่ไกลจากพญานาค ทำให้พญานาคโกรธแล้วพ่นควันพิษใส่ท่าน ท่านก็เข้าเตโชสมาบัติให้เกิดควันไฟใส่พญานาค บันดาลให้เกิดความเจ็บปวดแก่พญานาคทั้งพระเถระและพญานาคได้แสดงอิทธิฤทธิ์เข้าต่อสู้กันหลายประการ จนในที่สุดพญานาคก็สิ้นฤทธิ์ ไม่สามารถจะทำอะไรพระเถระได้ แต่กลับถูกพระเถระกระทำจนได้รับความเจ็บปวดบอบช้ำ และในที่สุดก็เลิกละการกลั่นแกล้ง ให้ประชาชนเดือดร้อน ฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านทำไร่ทำนาได้ดี มีความสุขกายสุขใจ และไม่ลืมที่จะระลึกถึงคุณของพระเถระที่ให้การช่วยเหลือ
แหล่งข้อมูล
พญานาคราช ย้อนรอยจากพุทธกาลสู่ตำนานลู่มแม่น้ำโขง สืบค้นจาก http://payanakara.blogspot.com/2012/10/blog-post.html เมื่อ 5 พย 61
รูปภาพผลงานทั้งหมดของ เอก ภัทร์ธีนันท์.
คาถาบูชา พญานาค นั้นมีหลากหลายบทด้วยกัน แต่ที่นิยมและครอบคลุมก็คือ ขันธปริตร บทแผ่เมตตาแก่พญางู 4 ตระกูล ซึ่งถือเป็น 1 ใน 9 ยอดพระพุทธมนต์ และบทสวดบูชาเจ้าปู่ศรีสุทโธ เจ้าย่าศรีปทุมมา
วิธีบูชา "มณีนาคราช แก้วมณีนาคราช เพชรพญานาค หรือ มณีนาคา"
ตามตำนานมีความเชื่อว่า "มณีนาคราช" นี้ เป็นสมบัติของพญานาคราช มีอิทธิฤทธิ์ มีอานุภาพสูงมากสามารถป้องกันมนต์ดำคุณไสย์ ดลจิตดลใจให้ล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆได้ หรือจะอธิษฐานจิตให้คงกระพันชาตรี ประดุจดั่งเหล็กไหล ทำให้มีอำนาจวาสนาแข็งแกร่ง ประดุจดั่งเพชร ถ้าจะให้เป็นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ก็ย่อมได้ เพียงตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ (แต่ต้องไม่เกินกำลังกฏแห่งกรรม) ลักษณะแท้จริงแห่งมณีนาคราชนั้น เมื่อตกหรือสัมผัสกับพื้นดินแล้วจะกลับสู่นาคพิภพทันที ผู้บูชาควรเก็บไว้ในที่อันวิจิตรและคู่ควร กับบารมีขององค์พญานาคราช...
"แก้วมณีนาคราช" หรือ “เพชรพญานาค” บางตำราเรียกว่า “แก้วจันทรกาล” เป็นดวงแก้วมณีประจำกายของพญานาค ซึ่งเกิดขึ้นด้วยบุญญฤทธิ์ของพญานาคนั้นๆ เมื่อถึงเวลา พญานาคนั้นก็จะต้องไปจำศีล ถือสัจจะบารมี เพื่อชำระกายใจให้บริสุทธิ์ ดวงแก้วมณีนาคานี้จะเปล่งประกายรัศมีสว่างไสวทั่วทั้งภพบาดาล และบันดาลให้เกิดทิพยสมบัติต่างๆขึ้น ตามกำลังบุญของพญานาค หากพญานาคองค์นั้น เป็นผู้มีบุญบารมีมากมาเกิด ย่อมมีทิพยสมบัติมากมายกว่าพญานาคอื่นๆ
ธาตุกายสิทธิ์นี้ จะมีการเปล่งรัศมีออร่าออกมารอบๆข้าง ขึ้นอยู่กับการปลุกเสกและบารมีของผู้ที่ครอบครองซึ่งจะรู้ได้ว่ามากหรือน้อยก็ต้องให้ผู้ที่มีญาณบารมีนั้นพิสูจน์ ดังนั้นการนำไปเป็นเครื่องประดับติดตัว แนะนำให้ทำเป็นรูปแบบที่มีส่วนที่สัมผัสตัวได้ เพราะการแผ่รัศมีออกมาของวัตถุธาตุจะช่วยปรับสมดุลให้ผู้ที่ครอบครอง และ เทพเทวาพญานาค มีจิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เรียกว่าผูกพันกัน ถึงกันได้ ช่วยกันได้ ปรับธาตุกันได้ เตือนกันได้
โดยสิ่งที่เล่ามานั้น ท่านต้องอาศัยบุญสัมพันธ์ และบารมีที่ท่านปฏิบัติสะสมมาจากกาลก่อน ท่านถึงอาจจะได้มาครอบครอง ส่วนเหรียญนาคราช ๙ เศียร ที่ท่านเห็นอยู่นี้ อันเกิดจากนิมิตในความฝัน ที่องค์นาคราชท่านต้องการให้ผู้สร้าง ออกแบบให้เป็นรูปแบบเช่นนี้ (มาทั้งภาพและเสียง) อาจจะเรียกได้ว่า เหรียญพุทธศิลป์รุ่นนี้ ออกแบบโดย องค์พญานาคราช ก็ว่าได้.....
โดยผู้สร้างนั้นเป็นเพียงสื่อกลาง นำมาสร้างตามเจตจำนงค์ขององค์ปู่นาคราช เพื่อให้ลูกหลานนาคราชที่เคยมีบุญสัมพันธ์กัน ได้พบเห็น และมาร่วมกันสร้างบุญบารมี แผ่กระจายชื่อเสียงเกียรติคุณ ให้แก่เหล่าพญานาคทุกตน ที่ท่านคอยช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนานฯ
เหรียญนี้จึงก่อเกิดธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ประกอบอยู่ในรูปแบบเหรียญเข้ามาโดยความไม่ตั้งใจ และความบังเอิญคงไม่มีบนโลกใบนี้ ท่านใดที่พบเห็นและเกิดศรัทธาอยากร่วมบุญ เชิญอ่านเรื่องราวอื่นๆในลำดับต่อไป
ความหมายของเหรียญหล่อพุทธศิลป์ "นาคราช ๙ เศียร มหาบารมี นาคาธิบดีศรีสุทโธ" (ด้านหน้า)
✅เก้าเศียร หมายถึง พลังมหาบารมีอันยิ่งใหญ่ของนาคราช ที่จะนำผู้ที่ศรัทธา ให้มีความเจริญก้าวหน้า และก้าวสู่ "มหาเศรษฐี"
✅กลีบดอกบัว หมายถึง "ธาตุดิน"
✅ลวดลายน้ำใต้ลำตัวพญานาค หมายถึง "ธาตุน้ำ"
✅การเคลื่อนไหวของลำตัวพญานาค หมายถึง "ธาตุลม" ออกแบบให้เป็นเลข 8️⃣ คือ "อินฟินิตี้" อันหมายถึง การเคลื่อนไหวของโชคลาภ และรับสิ่งดีๆเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
✅แผงลายกนก หมายถึง "ธาตุไฟ"
เมื่อนำทุกอย่างมารวมกัน จึงก่อเกิดเป็นธาตุทั้ง ๔ คือ "ดิน น้ำ ลม ไฟ"
✅ลูกแก้ว ซึ่งอยู่กลางใจพญานาค คือ "รัตนะ" อันหมายถึง "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์"
✅ฐานดอกบัว รองรับ ลูกแก้ว อันหมายถึง ความรักเทิดทูนในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ที่พญานาคทุกตน จะคอยปกป้อง ดูแลรักษาพระพุทธศาสนา ให้คงอยู่ตราบนานเท่านานฯ
ความหมายของเหรียญหล่อพุทธศิลป์ "นาคราช ๙ เศียร มหาบารมี นาคาธิบดีศรีสุทโธ" (ด้านหลัง)
✅ยันต์โภคทรัพย์ เป็นหนึ่งในยันต์ที่มีพุทธคุณส่งเสริมด้านเมตตามหานิยม เป็นยันต์ที่มีพุทธคุณไม่แพ้ใคร ดีเด่นทางด้านโภคทรัพย์ มีเงินทองไหลมาเทมาไม่หยุด
ร่ำรวย ร่ำรวย ร่ำรวย รวย รวย รวย มั่งคั่งเป็นมหาเศรษฐี ยันต์นี้มีไว้ไม่มีอดตาย ทำมาค้าขึ้น เจริญรุ่งเรือง ไม่มีตกต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ทำการค้าและ
ทำธุรกิจต่างๆ ผมจึงนำมาจารึกไว้ที่ด้านหลังของเหรียญนาคราชรุ่นนี้ฯ
✅นาคกินหางต่อกันสี่ตัว เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภค้าขายดี ป้องกันภัยได้ทั้งสี่ทิศ “มีกิน มีใช้ ไม่มีอด กินแบบงูกินหางกัน ต่างตัวก็ต่างกิน ยิ่งกินก็ยิ่งรัดเข้าหากัน พอชนกันก็คลายออก!” “กินไม่มีวันหมด” ความหมายที่คงไว้ด้านหลังของเหรียญฯ