ผมไปกราบหลวงปู่แผ้วปี พ.ศ.2539 ขณะนั้นหลวงปู่อายุ 73 ปีแล้ว
(หลวงปู่เกิด พ.ศ.2466) ภาพที่เห็นหลวงปู่ผิวขาว
ดูมีออร่าคือดูสว่างไปหมด สัมผัสได้ถึงกระแสความมีเมตตา
ท่านเอนนั่งบนเก้าอี้ฮ่องเต้ ทักทายแขก ผมแนะนำตัวแล้วคุยกับท่าน
หลวงปู่คุยสนุกมีอารมณ์ขัน คุยเรื่องทั่วไปสมัยเก่า
แต่ถ้าถามเรื่องการปลุกศกวัตถุมงคลท่านจะบ่ายเบี่ยงว่าทำไม่เป็น
นั่งคุยกับท่านสักพัก ท่านจะชงน้ำชาให้ทาน
ผมนั่งกับท่านชั่วโมงกว่าก็ลากลับ จากนั้นก็มาคุยกับท่านอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ในพ.ศ.นั้นหลวงปู่เป็นที่เคารพนับถือของชาวกำแพงแสน ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ในตอนนั้นคิดว่าหลวงปู่ขลังไหม เสกของได้มั้ย ผมสอบถามกับศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก เพราะหลวงพ่อลำเจียกกับหลวงปู่แผ้วมีอาจารย์คนเดียวกันคือหลวงพ่อหว่าง วัดกำแพงแสน หลวงพ่อลำเจียกเรียกหลวงปู่แผ้วว่า หลวงพี่ เพราะหลวงปู่แผ้วบวชก่อน เรียกว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึกเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวตลาดห้วยกระบอกและใกล้เคียงมานานเรียกว่าท่านดังตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 เป็นต้นมา โดยเฉพาะล็อกเก็ตม่านแดง สร้างปี พ.ศ.2510 ประสบการณ์โชกโชน ถ้าสวยไปแหย่ที่ห้วยกระบอกรับรองได้เงินเป็นฟ่อนติดกระเป๋ากลับบ้านแน่ หลวงพ่อลำเจียกหรือที่ชาวตลาดห้วยกระบอกเรียกว่า"หลวงน้า"ท่านเคยพูดให้ลูกศิษย์ฟังว่า "หลวงพี่แผ้วไม่ธรรมดา ควรหาโอกาสไปกราบไหว้ " ผมเคยฟังมาว่าหลวงพ่อลำเจียกมาศึกษาวิชากับหลวงพ่อหว่าง ที่วัดกำแพงแสนและศึกษาร่วมกับหลวงปู่แผ้ว เมื่อจะจบการศึกษาต้องมีการทดสอบ โดยครั้งนั้นหลวงพ่อหว่างให้ทั้งสองท่านเข้าอยู่ในโบสถ์ทบทวนวิชาต่าง โดยห้ามออกจากโบสถ์ ถ่ายหนักถ่ายเบาในโบสถ์ มีอาหารส่งให้ขบฉัน จนครบกำหนดเวลา(ไม่แน่ใจว่าสามหรือห้าวัน)จึงออกจากโบสถ์ได้ ถือว่าสำเร็จแล้ว ขนาดหลวงพ่อลำเจียกยังยกย่องหลวงปู่แผ้วว่าไม่ธรรมดา แล้วยังงี้เก่งมั้ยครับ ปราชญ์ย่อมเข้าใจในปราชญ์ครับ ไว้ตอนต่อไปจะเล่าเรื่องที่ถ่ายรูปหลวงปู่แผ้วกดชัตเตอร์ไม่ลงเจอกับตัวเอง ไม่ใช่ฟังเขาว่าเอาหอาหาร นะจ๊ะ
ขออนุญาติเจ้าของภาพ สรร พูลประทิน
