ไม่ว่า เรา หรือ เค้า
ทุกคนต่างมีปัญหาที่น่าหนักใจกันทั้งนั้น
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าปัญหาเรากับปัญหาเค้า
ปัญหาไหนจะหนักหรือแย่กว่ากัน เพราะสุดท้ายแล้ว
เราและเค้าต่างมีปัญหาที่ต้องเครียดและตามแก้ทั้งคู่
ในเมื่อคุณเองก็มีปัญหาของตัวเอง
มันจึงไม่ใช่กงการอะไรของคุณเลยครับ
ที่จะต้องมาเสียสละเวลา เสียสละความสุข
หรือต้องทนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเพียงเพราะ
มีคนมาขอให้เราช่วยแก้ปัญหาในชีวิตของเค้า
มันเป็นการดีแหละครับที่เรามีใจอยากช่วย
แต่ในความช่วยเหลือต้องอยู่บนความสะดวกใจของเราด้วย
ถ้าเราฟังแล้ว สะดวกใจช่วย อันนี้ผมสนับสนุนให้ช่วย
แต่ถ้าเราฟังแล้ว รู้เลยว่าช่วยไม่ไหว ทำไม่ได้
แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทน
ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ผมแนะนำให้ปฏิเสธไปครับ
อย่าได้ไปกลัวว่าการปฏิเสธความช่วยเหลือของเรา
จะทำให้เค้าต้องไร้ซึ่งหนทางในการแก้ไขปัญหา
เพราะจริงๆแล้วปัญหามันเป็นของเค้าตั้งแต่ต้น
ดังนั้นมันก็เป็นหน้าที่เค้าที่ต้องแก้ปัญหานี้เองอยู่แล้ว
เหมือนกับคุณที่มีปัญหาของตัวเอง
และต้องแก้ไขมันด้วยตนเองนั่นแหละครับ
ย้ำอีกครั้งว่าเราทุกคนต่างมีปัญหาของตัวเอง
ดังนั้นอย่าให้ใครเอาปัญหาของเค้ามาใช้เป็นข้ออ้าง
ที่ทำให้คุณต้องเสียสละความสุขในชีวิตตัวเอง
เพื่อไปตามแก้ปัญหาให้พวกเค้านะครับ
ตกผลึกจาก ความยุติธรรม : Justice: What's the Right Thing to Do
ผู้เขียน Michael J. Sandel
ผู้แปล สฤณี อาชวานันทกุล