" กสิณไฟ "
เมื่อถึงฤดูหนาว หลวงปู่สรวงท่านจะนั่งถอดเสื้อผ้าเปลือยกายด้านบน ใช้ผ้าน้อยที่สุด และชอบอาบน้ำบ่อย ๆ
นานหลายวัน เข้าใจว่าเป็นเรื่องการเล่นกสิณน้ำของหลวงปู่สรวง ในส่วนของการเจริญเตโชกสิณหรือกสิณไฟนั้น คือการเพ่งเปลวเพลิง ผู้ที่เคยปฏิบัติมาในชาติก่อน ๆ อาจเพ่งเปลวไฟในเตา หรือกองไฟหรือที่ใด ๆ ขณะเพ่งเปลวไฟให้บริกรรมภาวนาว่า เตโช ๆ ๆ หรือ ไฟ ๆ ๆ ท่าให้อุคคหนิมิตปรากฏขึ้น ได้ปฏิภาคนิมิต และบรรลุฌานได้ในที่สุด
ท่านจะก่อกองไฟไว้เสมอ บางครั้งลูกศิษย์เอาของไปถวาย
ท่านก็จะโยนเข้ากองไฟ เป็นการเผากิเลส ไม่สะสมสิ่งของใด ๆ อุทิศสิ งของให้ดวงวิญญาณ สัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อนที่เขามาขอส่วนบุญ เข้าใจว่าเป็นเรื่อง การเล่นกสิณไฟของหลวงปู่สรวง
พระสมเพชร ชยาภินนฺโท เจ้าอาวาสวัดเขาพลาญเพชร อำเภอ ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เล่าไว้ว่า
หลวงปู่สรวงได้สั่งให้หากามาต้มน้ำ เสร็จแล้วก็ก่อกองไฟอีกกอง ต่อจากนั้น ท่านก็ลุกไปที่ฐานตั้งพระประธาน
แบกเอาฉัตรเงินฉัตรทองและสิ่งของที่วางอยู่รอบข้างมาเผาไฟ ท่านสั่งให้เอามาเผาไฟ กราบเรียนท่านว่าไม่กล้า
หรอก ของสงฆ์กลัวบาป ซึ่งท่านเองก็ไม่ว่าอะไร ท่านขนเอามาเผาหมด ไม่ว่าจะเป็นฟูกหมอนเสื่อหวายที่ผู้นำมาทำบุญถวายวัดถ้ำสระพงษ์ รวมทั้งตาลปัตรเป็นรูปสัตว์ นาค กระต่าย ท่านเผาหมด ได้นมัสการถามท่านว่า เผา
ทำไม หลวงปู่ตอบคำเดียวว่า “เผากิเลสพระ” ต่อมา หลวงปู่ได้เอาผ้าไตรจีวรของท่านเองที่ยังครองอยู่มาเผา
ด้วย การนำสิ่งของต่าง ๆ ในวัดที่ไม่จำเป็นสำหรับสงฆ์มาเผา จึงเป็นปริศนาธรรมซึ่งจะต้องขบคิดเพื่อหาข้อเท็จจริงที่แฝงเร้นอยู่กับปริศนานั้น ๆ เป็นการบอกให้รู้ว่า ท่านไม่ให้พระสงฆ์สะสมยึดติด ในทรัพย์สมบัติทั้งปวงเหมือนชาวโลก ไม่ยึดติดในสมบัติข้าวของเงินทองที่มีผู้นำมาถวายว่าเป็นของตน อันการเป็นสะสมพอกพูนกิเลสให้เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่วิสัยของสมณะ
ขอบพระคุณที่มา : วารสารสิรินธรปริทรรศน์