" ความคงกะพันของวัตถุมงคล หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส "
เสี่ยกี๋ แห่งเหมืองพลอย บ่อเวฬุ จังหวัดจันทบุรี แถบนั้นถามชื่อเสี่ยกี๋ ใครก็รู้จักเป็นอย่างดี มีชื่อในการทำเหมืองพลอยมานาน เป็นศิษย์ ของท่านพ่อคง วัดวังสรรพรส วันนั้นในตัวมีตระกรุดชุดของหลวงพ่อคง ส่วนพรรคพวกอีกสองคนๆ หนึ่งแขวนเหรียญ กลม นั่งหัวเสือหลังนูน อีกคนหนึ่งแขวนรูปหล่อบ่าร้าว ซึ่งพวกเขามั่นใจและบูชายึดมั่นแต่ท่านพ่อ เพราะมีประสบการณ์ ผ่านมามากมาย นับไม่ถ้วน ลูกผู้ชายชื่อเสี่ยกี๋ ทำงานฝ่าดงอันตราย
จากการทำงานเหมืองพลอย บ่ายวันหนึ่ง ในเดือนมีนาคมปี พ.ศ.๒๕๒๘ เสี่ยกี๋และพรรคพวก อีกสองคน นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในตลาดบ่อเวฬุ หลังจากกินเสร็จ แล้วก็ พากันเดิมข้ามถนน มายังรถซึ่งจอดอยู่อีกฝั่งถนน ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถ ... เสียงดังเหมือนฟ้าผ่า ก็กัมปนาทขึ้น ปืนอากร้า ดังสนั่นหวั่นไหว ก้องตลาดบ่อเวฬุ ชาวบ้านแตกตื่น หาที่หลบภัยกันจ้าละหวั่น คณะของเสี่ยกี๋ เป็นเป้ากระสุนกลางถนน โล่งแจ้ง ยากที่จะพลาดจากกระสุน ที่ลั่นราวห่าฝนได้ คนทั้งสามคน โดนกระสุนอาร์ก้าเต็มที่ คนละนับสิบนัด เพราะเสียงปืนที่คำรามนั้นดังติดต่อกันนานราว ๑๐ นาที กระบอกนี้ หมดกระบอกใหม่แทนที่ ติดต่อกัน หลับตานึกถึงเป้ากระสุนกลางถนนดู ไม่เละเป็นบะช่อก็เต็มที่แล้ว เสี่ยกี๋ โดนกระหน่ำ ล้มคว่ำล้มหงาย แล้วลุกขึ้นมาอีกล้มลงไปอีกมือกุมอยู่ที่ด้ามปืน ชักขึ้นมาไม่ทัน เพราะห่ากระสุนที่สาดมานั้น กระทบร่างกระดอนไปมาสั่นสะเทิ้น พรรคพวกอีกสองคน ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นถนน กระบอกที่ปล่อยกระสุนชุดสุดท้ายสิ้นสุดลง แทนที่จะปิดฉาก เสียงระเบิด ลูกสุดท้าย กังวานสนั่นขึ้น รถของเสี่ยกี๋ กระเด็นไปพังแหลก ไม่มีชิ้นดี สุดท้ายที่โดนคือจรวด อาร์พีจี นั่นเอง คณะมือปืนโหดยิงกันจนหมดลูกปืนแล้วก็ผละหนีไป เสียงกังวานของปืนนั้นได้ทำลายขวัญ ชาวบ้านแตกตื่น อกสั่นขวัญหนี ตำรวจที่อยู่แถวนั้น นึกว่าเขมรบุก เพราะอยู่ใกล้ชายแดน จัดแจงล้อมโรงพักเอาไว้แน่นหนา เมื่อเสียงปืนสงบลง ชาวบ้านก็ออกมา ทยอยดูเหตุการณ์ ปรากฎว่าเสี่ยกี๋ และพรรคพวก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไม่มีชิ้นดี ตามตัวไม่มี บาดแผล มีแต่กระสุนนัดเดียวที่เข้าไปติดรักแร้ ของเสี่ยกี๋ เพียงสลัดก็หลุดออกมา ทั้งหมดปลอดภัย แต่เสียรถปิคอัพ ไปหนึ่งคัน.....
(ขอบคุณ Cr. หนังสือพระ "สายสิญจน์ ฉบับที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๒๙)
ขออนุญาตเจ้าของภาพ