“วันที่ 16 มิถุนายน พศ. 2506 หน่วยลาดตระเวนสังกัดกองร้อยที่ 340 ปะทะกับข้าศึกจำนวน 3 นาย ขณะออกปฏิบัติการในป่าลึก ทหารเวียตกง 2 นาย มีอาวุธปืนคาร์บิน ลูกระเบิดขว้าง ระเบิดแสวงเครื่อง ข้าศึกอีก 1 นายใช้อาวุธปืนกลมือ ที่ระยะประมาณ 15 เมตร ทหารเวียตนามใต้ใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม เออาร์-15 (ต้นแบบของปืน เอ็ม-16 ) ยิงต่อสู้โดนทหารเวียตกง 3 นัด หนึ่งนัดเด็ดหัวข้าศึกออกจากคอ หนึ่งนัด กระทบที่แขนทำให้แขนหลุด อีกนัด เข้าด้านขวาของลำตัว
เกิดเป็นรูบาดแผลมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว ในความเห็นของข้าพเจ้า บาดแผลจากกระสุนเพียงนัดใดนัดหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะปลิดชีพข้าศึก ฯลฯ”
..รายงานของนายทหารอเมริกัน ที่ปรึกษากองทัพเวียตนามใต้และสังเกตการณ์ในสงครามเวียดนาม
สำหรับตำนานเหรียญ M-16 ในสมัยที่หลวงพ่อยังอยู่มีทหารพลร่มจากค่ายป่าหวาย ลพบุรี นำเฮลิคอปเตอ มาลงจอดที่หน้าวัดพิกุลทอง เพื่อขอรับวุตถุมงคล ไปแจกทหารสู้รบกับทหารคอมมิวนิส แต่ในคณะที่มาขอวัตถุมงคลนั้นมีทหารนายหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาว่าหลวงพ่อแพ แห่งวัดพิกุลทองนั้น มีดีเพียงเมมตตามหานิยมเท่านั้น
เนื่องจากในสมัยนั้น หลวงพ่อแพท่านเป็นที่ลือชื่อเป็นองค์เกจิ แห่งความเมตตามหานิยมและโชคลาภในจังหวัดสิงหบุรี
ทหารนายนั้น จึงไม่เชื่อถือในเหรียญฉลองไตรมาสรุ่นนี้ แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มีทหารอีกคนหนึ่ง นำปืนM-16 ที่ติดตัวมาด้วย ลองยิงเหรียญรุ่นนี้ดู และทุกคนก็ตะลึงเพราะเกิดกฤษดาอภินิหาร ปืน M-16 ยิงออกทุกนัด แต่หัวกระสุนปืนที่ยิงไปนั้น กลับค่อยๆไหลออกมาจากปากกระบอกปืน แล้วร่วงลงบนพื้นราวกลับสายน้ำ ที่หน้าเหรียญไตรมาสของหลวงพ่อแพนั้นเอง
จึงเป็นประจักษ์แก่สายตาทหารเหล่านั้น ใคร ๆ จึงขนานนามเรียกขานเหรียญไตรมาส รุ่นที่ 2 นี้ว่า "เหรียญเอ็ม16" นั่นเอง