จริงๆแล้วเบี้ยแก้ตามโบราณ จะต้องคัดเบี้ยที่มีฟัน 32 ซี่เพื่อให้ครบอาการ 32 อุดด้วยปรอท อุดชันโรงแล้วหุ้มด้วยตะกั่ว หรือถักเชือกจุ่มรักอีกที ถึงจะครบสูตร เมื่อมีครูอาจารย์ที่มีพลังจิตเสกสำทับเข้าไปตามความเชื่อถือว่าใช้ได้
เวลาสั่นดูจะดังขรึกๆ มีน้ำหนักด้านใน
เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง คนสมัยโบราณเชื่อว่า เบี้ยแก้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ใช้ป้องกัน สิ่งไม่ดีทั้งหลาย หลักการของเบี้ยแก้ คือ การนำเปลือกหอยมาใส่ธาตุกายสิทธิ์ คือปรอท เพื่อให้ธาตุกายสิทธิ์ป้องกันอันตราย
องค์ประกอบของเบี้ยแก้มี 3 อย่าง คือ เบี้ย ปรอท ชันโรง (อ่านว่าชัน-นะ-โรง)
เบี้ยที่เอามาทำเบี้ยแก้ควรเป็นเบี้ยจั่น “เบี้ยจั่น” หอยทะเลฝาเดียวที่มีฟันเล็กๆ เรียงยาว ห้อยเบี้ยที่เอามาทำเบี้ยแก้ต้องเป็นหอยที่มีฟัน 32 ซีก เพื่อให้เท้ากับอาการ 32 ของคนเรา เบี้ยที่เอามาใช้ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป
ถัดมาคือ ปรอท องค์ประกอบสำคัญที่สุดของเบี้ยแก้ ปรอทเป็นธาตุกายกายสิทธิ์เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการหลอมตะกั่วหรือไปซื้อหาเอาได้ การเอาปรอทมาใช้ต้องรู้จัก การดักปรอท ที่อยู่ตามธรรมชาติ ปรอทเป็นธาตุที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ถ้าดักปรอทไม่ได้ก็ทำเบี้ยแก้ไม่ได้
ปรอทเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ ดักล่อ ฆ่าพิษ ขึ้นรูป เสกเข้าตัว
ดักล่อ คือ การใช้อาคมดักปรอท หรือ หาปรอท ดักได้มาแล้วสิ่งที่ทำต่อมาคือ ฆ่าพิษ ที่ต้องฆ่าพิษเพราะปรอทจะดูดซับพิษเก็บไว้ก่อนนำไปใช้ต้องฆ่าพิษให้หมด ให้เป็นปรอทบริสุทธิ์ เมื่อฆ่าพิษแล้วจึงเอามาขึ้นรูปคือหุงปรอทก่อนจะนำไปใส่ในเบี้ยทำเบี้ยแก้ หรือเอาไปเสกปรอทเข้าตัว การเสกปรอทเข้าตัว มีหลักการมีอยู่ว่า ปรอทที่ฆ่าพิษแล้ว ถ้าเสกให้ปรอทเข้าไปอยู่ในตัวคน จะช่วยรักษาโรคร้ายได้
แล้วทำไม ต้องเอาห้องเบี้ยมาใส่ปรอท ครูทางไสยเวทย์กล่าวตรงกันว่า เบี้ยเป็นสิ่งเดียวที่เอาปรอทมาใส่ไว้แล้วปรอทไม่ไหลหายไปไหน
มีเบี้ย กับปรอทแล้ว สิ่งต่อไปคือ “ชันโรง” ขันโรงมาจากตัวชันโรง แมลงชนิดหนึ่ง คล้ายผึ้งแต่ตัวเล็กกว่า ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ มักจะอยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆตามที่สงบต่างๆ เช่น ริมหน้าต่างโบสถ์ วิหาร ศาลา หรือในที่ๆไม่มีใครไปรบกวน และจะมีกลิ่นหอม โดยโบราณอาจารย์มักจะนิยมเอาชันโรงอุดเบี้ยแก้เพื่อป้องกันไม่ให้ปรอทที่ใส่ไว้ในเบี้ยหลุดออกมา
พอของครบผู้ทำเบี้ยแก้จะเอาปรอทมาแล้วเสกให้ปรอทเข้าไปในเบี้ย ไม่ใช่เอาปรอทใส่ภาชนะแล้วเทลงเบี้ยนะครับ เสกเสร็จก็ปิดด้วยชันโรง แล้วเสกให้ปรอทคงศักดิ์สิทธิ์ ตอนปิดเบี้ยมีวิธีทำแตกต่างกันออกไป บางสำนักใช้แผ่นตะกั่วหรือแผ่นทองแดงปิด บางสำนักใส่ตะกรุดแล้วเปิดทับลงไปพร้อมชันโรง
เบี้ยแก้มีหลายสำนัก ที่โด่งดัง คือ สายอ่างทองหลวงปู่คำวัด โพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ , หลวงปู่รอด วัดนายโรง ,สายนครไชยศรี หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เจือ รูปแบบการสร้างจะต่างกันไป ผู้สร้างเบี้ยแก้ต้องมีพลังจิตสูงมาก คือต้องสามารถใช้กำลังจิต บังคับปรอทให้วิ่งเข้ามาหาเบี้ยได้ด้วยตัวเอง เช่น เบี้ยแก้สายอ่างทองจะมีการเอาหญ้าคามาวางทอดไว้ระหว่างปรอทกับเบี้ย แล้วจึงใช้พลังจิตประสิทธิ์ลงไปจนปรอทนั้นวิ่งผ่านหญ้าคาไหลเข้าเบี้ยไปด้วยตัวเองเป็นต้น เพราะฉะนั้นเบี้ยแก้จึงเป็นเครื่องรางของขลังที่ทำได้ยากและเมื่อทำได้ดีตามตำราโบราณมีความศักดิ์สิทธิ์มาก