เนื้อนวโลหะ ที่มีตำราชี้เฉพาะปริมาณของส่วนผสม ได้แก่ พระในกลุ่มพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ที่มี สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ กทม.เป็นองค์ปฐมการสร้าง สืบตำราต้นแบบที่บังคับในการสร้างพระกริ่งเนื้อนวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย
๑.ชิน น้ำหนัก 1 บาท (1บาท = 15.2 กรัม)
๒.เจ้าน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท (แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน)
๓.เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท
๔.บริสุทธิ์หรือทองแดงบริสุทธิ์น้ำหนัก 4 บาท
๕.ปรอท น้ำหนัก 5 บาท
๖.สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท
๗.ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท
๘.เงิน น้ำหนัก 8 บาท
๙.ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท
เนื้อสัตตโลหะ หมายถึง โลหะผสม 7 ชนิด อันประกอบด้วย
1.เหล็ก 2.ปรอท 3.ทองแดง 4.เงิน 5.ทองคำ 6.เจ้าน้ำเงิน และ 7. บริสุทธิ์
ตามอัตราส่วนของแต่ละตำรา และวัสดุที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น อาวุธที่เป็นเนื้อสัตตโลหะจะมีปริมาณของแร่เหล็กมากกว่าแร่ชนิดอื่น
เนื้อเบญจโลหะ หมายถึงโลหะผสม 5 ชนิด อันประกอบด้วย
1.เหล็ก 2.ปรอท 3.ทองแดง 4.เงิน และ 5.ทองคำ
อัตราส่วนตามความเหมาะสมของวัตถุที่สร้าง แต่โลหะหนักส่วนมากมักจะเป็นเหล็ก เพราะเหล็กมีราคาถูกกว่าโลหะชนิดอื่นๆ
เนื้อสำริด ในความหมายของผู้นิยมพระเครื่อง หมายถึง โลหะกลับดำคล้ำ มีความแตกต่างของผิวเนื้อ แต่ถ้าหากผู้สร้างผสม เงิน มากหากถูกพ่นด้วยไฟของช่างทอง แล้วนำมาแช่น้ำถูกซัด เนื้อจะออกมาขาวดั่งเงินเลย แต่ถ้าไม่ถูกไฟแต่ถูกเหงื่อเนื้อจะออก ดำเลย หรือนักนิยมพระเครื่องจะเรียกว่า นวะโลหะแก่เงิน หากว่า ผู้สร้างผสม ทองคำมาก เนื้อจะออกดำมันใสสวยงามมากๆหรือ ออกเขียวปีกแมลงทับ