ปาฏิหาริย์บารมีหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
พระเถราจารย์ยุคสงครามอินโดจีน ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า
ครั้งหนึ่งในช่วงเวลาระหว่างสงครามนั้น หลวงพ่อคงท่านปฏิบัติกิจสงฆ์และเจริญภาวนาเป็นปกติอยู่บนกุฏิ มิได้หลบลี้หนีภัยไปอยู่แห่งใดเลย แต่เผอิญในคืนหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2485 ที่อัมพวามีงานจุดไฟสว่าง
เมื่อเครื่องบิน บี 29 บินผ่านมาดับไฟกันไม่ทัน พอได้ยินเสียงก็เห็นบินอยู่บนหัวเสียแล้ว บินวนอยู่ 2 รอบ แล้วก็ทิ้งระเบิดลงมา 2 ลูก ตกลงไปในท้องร่องและดงกล้วย แต่ลูกระเบิดด้าน ไม่ระเบิดทั้ง 2 ลูก เรื่องนี้ชาวอัมพวาเชื่อว่าเป็นไปด้วยอานุภาพของหลวงพ่อคง เพราะเวลาที่เครื่องบินบินผ่านอำเภอนี้ หลวงพ่อคงจะต้องขึ้นไปเจริญภาวนาบนกุฏิทุกครั้ง
ซึ่งเรื่องทิ้งระเบิดนี้ พระครูวัตโกศล (ทองสุข ปุสสเทโว) อดีตเจ้าอาวาสวัดป้อมแก้ว ได้เขียนเป็นกลอนว่า
"โดยเฉพาะเมืองสมุทรสุดแสนสุข
ไม่มีทุกข์เท่าปลายเส้นเกศี
จนกระทั่งเดือนสิบสองมะเมียมี
ล่วงล้ำเศษหนึ่งกับครึ่งว่า
เป็นข้างแรมเดือนหงายคล้ายทิวา
เขตอำเภอเกลอคิดว่ากรุงศรี
ด้วยที่นั่นไฟอร่ามเห็นงามดี
ล้วนแสงสีแซมสลับประดับกัน
จุดตะเกียงเสียงกลองออกดังลั่น
ทั้งผู้คนหลายหลากมากหน้ากัน
พวกข้าศึกหมายมั่นว่าเมืองทอง
มันจึงทิ้งลูกระเบิดให้เกิดทุกข์
ทำลายสุขชาวไทยให้หม่นหมอง
แต่ด้วยเดชคุณพระเข้าคุ้มครอง
ลูกระเบิดตกท้องร่องโคลนกระจาย
มันปักดิ่งจมดินจนสิ้นฤทธิ์
เหมือนมะขวิดตกน้ำแล้วจมหาย
อ้ายปิศาจชาติฝรั่งช่างไม่อาย
โง่เหมือนควายกินหญ้าทั้งตาปี
เจ้าหลับตาหรือไฉนไอ้รากโสษ
หรือว่ากล้วยเมืองไทยรสไม่ดี
ไอ้อัปรีย์จึงโกรธลงโทษมัน"